วิกฤตสภาพอากาศที่บราซิล กับปัญหากาแฟขึ้นราคา

"วิกฤติสภาพอากาศที่บราซิล กับปัญหากาแฟขึ้นราคา"

วิกฤติโลกร้อนช่วงทศวรรษที่ผ่านมาทวีความรุนแรงมากขึ้นส่งผลให้สภาพอากาศวิกฤติและแปรปรวนทั่วโลก เกิดหิมะตกกลางทะเลทรายสีขาวโพลน ไฟป่าลุกลามครั้งมโหฬารดันให้การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์โลกพุ่งสูงขึ้น ฝนตกบนยอดภูเขาน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว เกิดน้ำปริมาณมหาศาล ส่งผลให้เกิดพายุฝนน้ำท่วมหนัก เปลือกโลกเคลื่อน ดินฟ้าอากาศแปรปรวนจนคาดเดาอะไรไม่ได้เลย 

"วิกฤติสภาพอากาศที่บราซิล กับปัญหากาแฟขึ้นราคา"  
วิกฤติโลกร้อนช่วงทศวรรษที่ผ่านมาทวีความรุนแรงมากขึ้นส่งผลให้สภาพอากาศวิกฤติและแปรปรวนทั่วโลก เกิดหิมะตกกลางทะเลทรายสีขาวโพลน ไฟป่าลุกลามครั้งมโหฬารดันให้การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์โลกพุ่งสูงขึ้น ฝนตกบนยอดภูเขาน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว เกิดน้ำปริมาณมหาศาล ส่งผลให้เกิดพายุฝนน้ำท่วมหนัก เปลือกโลกเคลื่อน ดินฟ้าอากาศแปรปรวนจนคาดเดาอะไรไม่ได้เลย


บราซิลประเทศผู้ผลิต และส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องเผชิญกับปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน (climate change) ที่เกิดทั้งภัยแล้งรุนแรงที่สุดในศตวรรษ และภาวะน้ำค้างแข็งปกคลุม (frost) ที่หนักสุดในรอบ 40 ปี เกิดขึ้นระหว่างปลายเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมปีที่แล้ว ทำให้ต้นกาแฟล้มตาย สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับไร่กาแฟบราซิลจำนวนถึง 1.25 ล้านไร่ด้วยกัน ครอบคลุมพื้นที่จากรัฐเซา เปาโล ไปถึงเมืองกาแฟที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง กวาชูเป้, โนวา เรเซนเด้, มูซัมบินโฮ, คาโบ เวอร์เด, อัลเฟนัส, มินัสเจอไรส์, เมืองฟรังก้า, เมืองเปเดรกุยโญ, ม็อกเกียน่า, เมืองปาโตรซินิโอ และเมืองกาแฟของย่านเคอร์ราโด้ มิเนโร ที่สำคัญยิ่งคือ บริเวณนี้ทั้งหมดเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าถึง 65 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน  
ปี 2021 เพียงปีเดียวผลกาแฟในไร่กาแฟบราซิลเสียหายถึง 590 ล้านกิโลกรัม เทียบได้กับจำนวนที่คนอเมริกันทั้งประเทศชงดื่มได้นานถึง 4 เดือนเลยทีเดียว   
นำไปสู่ภาวะกาแฟขาดตลาดโดยเฉพาะช่วงปลายปีที่แล้ว ร้านกาแฟหลายๆแห่งในยุโรปและสหรัฐพาเหรดกันขึ้นราคา ราคากาแฟจึงถีบตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการณ์ธุรกิจกาแฟทั่วโลกต้องแบกรับต้นทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น   
ซ้ำร้ายสภาพอากาศแปรปรวนส่งผลต่อแหล่งเพาะปลูกกาแฟทั่วโลก บวกกับปัญหาโควิดที่ระบาดอย่างยาวนานต่อเนื่อง การขนส่งทั่วโลกชะลอตัว ปัญหานี้น่าจะยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะกว่าที่จะกลับมาผลิตกาแฟชดเชยส่วนที่ขาดหายไปก็น่าจะให้เวลาอย่างน้อย 3-4 ปีนับจากนี้ และยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะทรงตัวหรือทรุดหนักไปอีกในอนาคตข้างหน้า  
ภาวะวิกฤติโลกร้อนยังคงเป็นเป้าหมายที่ท้าทายมาก แม้ว่าทั่วโลกจะตื่นตัวมากขึ้นในการร่วมรับมือกับปัญหานี้ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น พวกเราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมรักษ์โลกเพื่อให้โลกของเรายังคงน่าอยู่ต่อไป และมีกาแฟให้เราได้ดื่มกันไปอีกยาวนาน  

เรียบเรียงจาก : Coffee by Bluehill / คุณชาลี วาระดี  
/ www.bangkokbiznews.com/ กรุงเทพธุรกิจ

คุณรู้จักมอดเจาะกาแฟมั้ย?

คุณรู้จักมอดเจาะกาแฟมั้ย?
Coffee Berry Borer มอดเจาะกาแฟหรือที่รู้จักกันในชื่อ Coffee Berry Borer; CBB (Hypothenemus hampei) เป็นแมลงปีกแข็งขนาดจิ๋ว แต่ความแสบนั้นไม่จิ๋วเหมือนชื่อเลย

The Auromar ฟาร์มกาแฟดีกรีอันดับต้นๆ ของประเทศ Panama

The Auromar Farm เป็นฟาร์มกาแฟดีกรีอันดับต้นๆ ของ Panama ติด Top 30 Coffees by the Coffee Review หลายปีซ้อน ตั้งอยู่ที่ความสูง 1,570 – 1,770 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บนที่ราบสูง Candela ทางตะวันตกเฉีย